Based on: https://reformationproject.org/case/gender-complementarity/
คำถามชวนคุย 🗣️
- คนที่ต่อต้านการแต่งงานของกลุ่มคนเพศหลากหลาย มักอ้างด้วยเหตุผลว่า ธรรมชาติก็ชี้ให้เห็นอยู่แล้วว่าเพศเดียวกันมันไม่สอดคล้องเข้ากัน คุณคิดว่านิยามของคำว่า “สอดคล้องเข้ากัน” เนี่ย มันคือด้านไหนยังไง?
คุณอาจเคยได้ยินมาว่า
เหตุผลสำคัญที่โบสถ์ไม่ควรให้คนเพศเดียวกันมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง เพราะมันละเมิดหลัก Gender Complimentarity ที่พระเจ้าได้ทรงบัญญัติไว้
แต่บทนี้กำลังจะนำเสนอว่า
“Gender Complimentarity” เป็นประเภทกลุ่มความคิด และไม่ได้เป็นข้อพิสูจน์ในตัวของมันเอง โดยอ้างว่ามันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ประกอบความเหมือนและความแตกต่างระหว่างเพศชายและหญิง แต่ไม่มีผู้ใดสามารถอธิบายได้ว่ารูปแบบธรรมเนียมปฏิบัตินี้ มีหน้าตาเป็นอย่างไร และเมื่อเราศึกษาดูอย่างถี่ถ้วน จึงพบว่า
- คนที่เชื่อใน “Gender Complementarity” ต่างก็มีคำนิยามไม่เหมือนกัน
- พระคัมภีร์ไม่มีหลักฐานที่รับรองหลัก “Gender Complementarity”
แล้วมีการตีความในเรื่องนี้เแบบไหนบ้างล่ะ?
- Complementarianism
ผู้ที่เชื่อหลักการนี้มักเชื่อว่าผู้ชายควรเป็นผู้นำและผู้หญิงควรเป็นผู้ตาม เราสามารถเห็นกฎเกณฑ์ชายเป็นใหญ่ในพระคัมภีร์ แต่ในพันธสัญญาใหม่ เราจะพบว่าในอาณาจักรของพระเจ้า ลำดับชนชั้นระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงถูกเปลี่ยนใหม่แล้วในพระคริสต์ (กาลาเทีย 3:28) คุณสามารถศึกษาหัวข้อนี้เพิ่มเติมได้จากบทความ “ปิตาธิปไตย” ในหนังสือ Bible, Gender, Sexuality: Reframing the Church's Debate on Same-Sex Relationships ของ James V. Brownson
- Procreative Complementarity
ผู้เชื่อหลักการนี้มักคิดว่าผู้ชายและผู้หญิงเติมเต็มซึ่งกันและกันเพื่อสืบวงศ์ตระกูล ปัญหาของหลักความเชื่อนี้มีอยู่สองประเด็นด้วยกัน
- ในยุคปัจจุบัน โบสถ์คาทอลิกได้เปลี่ยนจุดยืนในเรื่องนี้ ไม่ได้บังคับให้คนมีเพศสัมพันธ์ “เพื่อการสืบวงศ์ตระกูลเท่านั้น” และเปิดโอกาศให้คนอยากที่จะมีลูกเองมากกว่า ซึ่งแต่ก่อนโบสถ์คอทอลิกเองเชื่อว่า พระเจ้าสร้างผู้ชายและผู้หญิงให้เติมเต็มซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะเพื่อการสืบพันธ์ุ แต่การที่โบสถ์เปลี่ยนมุมมองอาจมีนัยยะว่า ผู้นับถือนิกายคาทอลิกต่างไม่มีปัญหากับการแต่งงานแล้วไม่มีลูก แต่ประเด็นนี้ไม่รวมถึงคู่รักร่วมเพศ
- คู่สามีภรรยาส่วนใหญ่ที่นับถือนิกายคาทอลิกใช้เครื่องมือคุมกำเนิด ซึ่งขัดต่อคำสอนของโบสถ์ จึงแสดงให้เห็นว่าแม้แต่ชาวคาทอลิกก็ไม่ได้เห็นว่าเรื่องนี้เป็นหลักศีลธรรมสำคัญที่โบสถ์กำหนดให้พวกเขาดำเนินตาม
- Anatomical Complementarity
หลักความคิดนี้มักเป็นประเด็นที่ถูกยกขึ้นมามากที่สุด เมื่อหลักการที่กล่าวมาข้างต้นไม่สามารถนำมาซึ่งข้อสรุปได้
- แต่ในพระคัมภีร์ก็ไม่มีหลักฐานหรือคำนิยาม ว่าความสมบูรณ์ทางกายวิภาคหรือ “ความเข้ารูป” ของอวัยวะเพศหญิงและชายเป็นอย่างไร
Q: แล้วในปฐมกาลบทที่ 1-2 พระคัมภีร์ไม่ได้สอนว่าผู้ชายกับผู้หญิงถูกสร้างเพื่อเติมเต็มซึ่งกันและกันหรือ?
- ในหนังสือของเขา The Bible and Homosexual Practice ของ Robert Gagnon โต้แย้งว่าอาดัมในปฐมกาล 1:26-2:18 เป็นมนุษย์ที่ไม่มีเพศ ก่อนจะถูกแบ่งร่างออกเป็นหญิงและชายในปฐมกาล 2:21 แต่จิม บราวน์สัน ได้พิสูจน์แล้วว่ามันไม่เป็นตามนั้น ในหนังสือ Bible, Gender, Sexuality พระคัมภีร์ไม่เคยบอกว่ามนุษย์ถูกสร้างมาเพื่อหาการเติมเต็มจากเพศตรงข้าม
- คำกล่าวที่ว่าผู้หญิงและผู้ชายต้องแต่งงานเพื่อหลอมรวมกันทางกายภาพ และสะท้อนถึงพระฉายาของพระเจ้า (ปฐมกาล 1:27) ขัดกับความจริงที่ว่าพระเยซูเอง ก็เป็นพระฉายาของพระเจ้าอันดีเลิศ และไม่เคยแต่งงาน ดังนั้นความคิดที่ว่าเพศชายและหญิงสามารถเติมเต็มซึ่งกันและกันจึงผิด เพราะทั้งผู้ชายและผู้หญิงต่างเป็นพระฉายาของพระเจ้าอย่างเท่าเทียมกัน
- แก่นของ ปฐมกาลบทที่ 2 ไม่ได้เป็นเรื่องของการที่เพศชายและหญิงต้องเติมเต็มซึ่งกันและกัน แต่เป็นการแสดงถึงความเหมือนระหว่างเพศหญิงและเพศชาย ที่อยู่เหนือสัตว์ประเภทต่างๆ
- วลี “เนื้อเดียวกัน” ในปฐมกาล 2:24 ไม่ได้บ่งบอกถึงการเติมเต็มทางกายภาพ แต่พูดถึงการสร้างครอบครัว
"เพราะเหตุนั้นผู้ชายจะละจากบิดาและมารดาของเขาไปผูกพันอยู่กับภรรยา และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้อเดียวกัน” -ปฐมกาล 2:24
Q: แล้วในมัทธิว19:1-12 พระเยซูไม่ได้สอนหรอกหรือว่าการแต่งงานเป็นไปได้แค่ระหว่างผู้ชายและผู้หญิง?
- บทนี้มุ่งประเด็นไปที่การหย่าร้าง ซึ่งเป็นการตัดขาดความสัมพันธ์และหน้าที่ต่อคนในครอบครัว บทนี้จึงเป็นการย้ำความหมายของคำว่า “เนื้อเดียวกัน” ใน ปฐมกาล 2:24
- พระเยซูพูดถึง “ผู้ชายและผู้หญิง” และ “เนื้อเดียวกัน” เพราะความสัมพันธ์ของคู่สมรสที่ถูกกล่าวถึงในปฐมกาล 2 จะผูกมัดมากกว่าความสัมพันธ์อื่นๆ กล่าวคือ คุณสามารถตัดความสัมพันธ์กับลูกพี่ลูกน้อง แต่คุณไม่สามารถทำเช่นนั้นกับภรรยาหรือสามี
- พระเยซูอ้างอิงบทปฐมกาล 1:27 เพื่อเน้นความสัมพันธ์ในครอบครัวที่มีความหมายมากกว่าความสัมพันธ์ประเภทอื่น ซึ่งเป็นหัวข้อที่สำคัญในยุคปัจจุบัน แต่การอ้างอิงนั้นไม่ได้กล่าวว่าการแต่งงานมีไว้เพื่อให้ผู้ชายและผู้หญิงเท่านั้น และมีไว้เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเติมเต็มซึ่งกันและกัน
คำถามชวนคุย 🗣️
- การรักคนเพศเดียวกันผิดหลัก “Gender Complementarity” อย่างไร?
- คุณสามารถหาหลักฐานรองรับได้หรือไม่ว่า “Gender Complementarity” เป็นหลักการที่พระคัมภีร์สอน?
ข้อแนะนำ
คุณควรหาคำนิยามที่ชัดเจนว่า “Gender Complementarity” หมายความว่าอย่างไร ด้วยความที่คำนิยามของคำนั้นคลุมเครือ และไม่มีหลักฐานรองรับในพระคัมภีร์ จึงทำให้ไม่มีการถกเถียงถึงประเด็นนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วน